fbpx

เห็ดหลินจือมากสรรพคุณ พร้อมประโยชน์ต่อสุขภาพที่คาดไม่ถึง

เห็ดหลินจือ หนึ่งในสมุนไพรชาวจีนที่เป็นยารักษาโรคชั้นดีเลยก็ว่าได้ โดยสรรพคุณเด่นของเห็ดหลินจือก็คือ สามารถลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้ สามารถช่วยบำรุงร่างกาย เสริมภูมิต้านทาน และมส่วนช่วยในเรื่องภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงทำให้เพื่อเสริมคุ้มกันของร่างกายในระยะยาวได้

 

สรรพคุณของเห็ดหลินจือ

  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เห็ดหลินจือมีสารไตรเทอร์พีนอยด์ และนิวคลีโอไทด์ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้ นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยพบว่า เห็ดหลินจือมีการทำงานกับเม็ดเลือดขาวในร่างกายจึงช่วยให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายนั้นพร้อมต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมด้วย
  • ลดโอกาสการเกิดมะเร็ง จากผลการวิจัยพบว่า เห็ดหลินจือ สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมชนิด MDA-MB-231 ด้วยการปรับสัญญาณ Akt/NF-kappaB และอาจมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งเต้านมได้
  • ช่วยดูแลหัวใจ และระบบไหลเวียนเลือด เห็ดหลินจือมีนิวคลีโอไทด์ที่มีคุณสมบัติสลายลิ่มเลือด จึงมีสรรพคุณในการช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานได้อย่างเป็นปกติ ให้หลอดเลือดขยายและเลือดไปเลี้ยงหัวใจได้สะดวก จึงมีผลช่วยให้บำรุงหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ยังช่วยบำรุงการสร้างเม็ดเลือดแดงได้อีกด้วย
  • บรรเทาภาวะซึมเศร้า เนื่องจากเห็ดหลินจือมีส่วนช่วยในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และยังมีสารพอลีแซ็กคาไรด์ที่ช่วยป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ จึงมีฤทธิ์บรรเทาอาการเหนื่อยล้า ปวดศีรษะ หรือวิงเวียนง่าย จากการวิจัยพบว่าเห็ดหลินจือมีส่วนช่วยให้ผู้ที่มีภาวะอ่อนเพลีย (Neurasthenia)11 มีอาการที่ดีขึ้นได้ จึงอาจส่งผลต่อผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าได้ด้วย
  • ลดการสะสมของไขมันในร่างกาย จากงานวิจัย พบว่า เห็ดหลินจือ มีสารไตรเทอร์พีนอยด์ โดยมีกรดกาโนเดอริค (Ganoderic Acid) ซึ่งมีสรรพคุณในการเพิ่มออกซิเจนในระดับเซลล์และบำรุงตับ ช่วยป้องกันไขมันพอกตับ (Fatty Liver) อีกทั้งไตรเทอร์พีนอยด์บางชนิดยังมีส่วนช่วยลดไขมันในเลือด ป้องกันการอุดตันของไขมันในหลอดเลือด ยับยั้งการสังเคราะห์ไขมันคอเลสเตอรอล ทำให้เลือดไหลเวียนดี เนื่องจากไม่มีไขมันเกาะตามผนังหลอดเลือด
  • ต่อต้านอนุมูลอิสระ เห็ดหลินจืออุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ การกินเห็ดหลินจือจึงมีผลต่อการบำรุงผิวพรรณชะลอความแก่ได้ และช่วยให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

วิธีการกินเห็ดหลินจือ

  • ต้มดื่ม การกินเห็ดหลินจือด้วยวิธีการต้ม เป็นวิธีแบบดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมมาก โดยนำเห็ดหลินจือมาตากแห้ง หรือฝานเป็นแว่น แล้วบดให้เป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนต้มดื่มเป็นชา หรือนำไปดองเป็นยา แต่วิธีนี้มีข้อเสียในเรื่องของรสชาติที่จะมีความเฝื่อน ขม และกินยาก หลายตำราจึงแนะนำให้ผสมน้ำผึ้งเพื่อช่วยเรื่องรสชาติ การต้มเห็ดหลินจือต้องระวังการปนเปื้อน และควรทำให้เป็นชิ้นเล็กที่สุด เพราะเห็ดหลินจือมีความแข็งเหนียวเหมือนเปลือกไม้ แต่ถือเป็นวิธีการที่ช่วยรักษาสารอาหารของเห็ดหลินจือได้ดี เพราะผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด อย่างไรก็ดี วิธีนี้ อาจควบคุมปริมาณสารอาหารได้ค่อนข้างยากเช่นกัน
  • บดเป็นผงใส่แคปซูล การกินเห็ดหลินจือด้วยวิธีการบดเป็นผงใส่แคปซูล ถือเป็นวิธีที่เพิ่มความสะดวกสบายในการกินเห็ดหลินจือได้มาก แต่อาจทำให้ร่างกายดูดซึมได้ยาก จึงรับประโยชน์จากเห็ดหลินจือไม่เต็มที่ อีกทั้งหากไม่ได้มีการควบคุมคุณภาพของผงเห็ดหลินจือให้ดี อาจทำให้ขึ้นรา หรือมีสารปนเปื้อนได้
  • สกัดเป็นรูปแบบเม็ด เห็ดหลินจือสามารถสกัดเป็นรูปแบบเม็ดได้ โดยนักวิจัยจะเลือกสารอาหารที่ต้องการจากเห็ดหลินจือมาโดยตรง และคิดค้นสัดส่วนกับส่วนผสมอื่นๆ ที่ช่วยเสริมสรรพคุณ ประกอบกับเทคโนโลยีในการผลิต ควบคุมการปนเปื้อน และทำให้สารสกัดต่างๆ คงประสิทธิภาพในบรรจุภัณฑ์ได้ยาวนาน ทั้งยังยืดอายุการดูดซึมหลังรับประทานได้แบบคงที่ตลอดวัน (Extended Release) สารสกัดเห็ดหลินจือในรูปแบบสกัดเป็นเม็ดจึงกินง่าย ร่างกายดูดซึมได้ดีและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การดูดซึมสารอาหารให้ได้ผลประโยชน์จากเห็ดหลินจือสูงสุดควรกินควบคู่กับเอลเดอร์เบอร์รี และซีบัคธอร์น เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ และได้รับคุณค่าทางสารอาหารที่เพียงพอ

 

ปริมาณในการกินที่เหมาะสม

  • เห็ดหลินจือแบบต้มควรใช้เห็ดหลินจือแห้งปริมาณ 4-15 กรัม ต่อวัน และดื่มเมื่อท้องว่างเพื่อประสิทธิภาพในการบำรุงร่างกาย
  • เห็ดหลินจือแบบผงใส่แคปซูลการเห็ดหลินจือแบบแคปซูล แนะนำว่าควรกินตามปริมาณเฉลี่ยวันละ 4-6 กรัม ต่อวัน หรือกินตามคำแนะนำของฉลากยา
  • เห็ดหลินจือแบบสกัดใส่แคปซูลมีปริมาณในการกินที่น้อย และง่ายมากที่สุด คือ สามารถกินได้เลยเพียง 2 แคปซูล ต่อวัน

 

ข้อควรระวังในการรับประทาน

  • สตรีมีครรภ์และแม่ที่ให้นมบุตรเนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพียงพอมายืนยันว่า เห็ดหลินจือมีความปลอดภัยต่อสตรีมีครรภ์หรือคุณแม่ที่ให้นมบุตร ดังนั้นเลี่ยงการทานเห็ดหลินจือในช่วงนี้ไปก่อนจะปลอดภัยกว่า
  • คนที่มีความดันโลหิตต่ำเพราะเห็ดหลินจือมีฤทธิ์ลดความดัน หากผู้ป่วยความดันโลหิตต่ำทานเข้าไป จะทำให้ความดันยิ่งต่ำลงจนเป็นอันตรายได้
    ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ (Bleeding disorder) หรือผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) เพราะการทานเห็ดหลินจือในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น
  • ผู้ป่วยที่กำลังจะผ่าตัดเพราะเห็ดหลินจือจะเพิ่มความเสี่ยงอาการเลือดออกมากขึ้น ดังนั้นก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ไม่ควรทานเห็ดหลินจือ
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิต้านเนื้อเยื่อของตนเอง (Autoimmune Disease)เช่น โรคลูปัส หรือ เอสแอลอี (SLE) หรือ โรคพุ่มพวง ไม่ควรใช้เห็ดหลินจือ โดย นพ.บรรเจิด ตันติวิท ผู้เขียนหนังสือ “หลินจือ กับ ข้าพเจ้า” ระบุว่า นั่นเพราะเห็ดหลินจือจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ถูกทำให้แข็งแรงขึ้นนี้จะยิ่งก่อให้เกิดความผิดปกติต่อร่างกายมากขึ้น 
  • ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกันไม่ควรทานเห็ดหลินจือ เพราะมีแนวโน้มที่ผลจากเห็ดหลินจือจะเข้าไปลบล้างหรือขัดขวางการบำบัดด้วยยากดภูมิ

 

บทส่งท้าย

เชื่อว่าเห็ดหลินจือสามารถบำรุงรักษาร่างกายได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันจึงนำมาทำเป็นย่างๆในรูปแบบไม่ว่าจะเป็นชนิดเม็ดหรือชนิดน้ำ เนื่องจากเห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าและมูลค่ามาก จึงต้องมีการเก็บรักษาเป็นอย่างดี เครื่องซีลสุญญากาศของ สุมาลี ช่วยได้ สามารถถนอมอาหารได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ หากท่านใดสนใจสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่ แอดไลน์ @sumireth ได้เลย

 

 

ขอขอบคุณที่มาข้อมูล

บทความที่เกี่ยวข้อง