มะยงชิด หนึ่งในผลไม้หน้าร้อน สุดโปรดของใครหลาย ๆ คน ที่ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวให้ความสดชื่น แต่รู้หรือไม่ว่า ผลไม้ลูกเล็ก ๆ แบบนี้ไม่ได้มีดีแค่ให้ความหวานความสดชื่นเท่านั้น แต่ยังให้ประโยชน์และสารอาหารมากมายอีกด้วย วันนี้ SUMIRE จะพาทุกคนไปรู้จักกับประโยชน์ของมะยงชิดที่มีมากกว่าที่คิด และจะมาแจกสูตรเมนูง่าย ๆ จากมะยงชิดไว้ให้ทุกคนทำกินคลายร้อนกัน จะมีเมนูอะไรกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!!!!
หัวข้อบทความ
Toggleมะยงชิดมีประโยชน์อะไรบ้าง
นอกจากมะยงชิดจะให้รสชาติที่อร่อยแล้วก็ยังให้ประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายด้วยเช่นกัน เพราะในมะยงชิดนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากมาย มาดูกันว่ามะยงชิดที่เห็นลูกเล็ก ๆ นี้ให้ประโยชน์อะไรต่อร่างกายของเรากันบ้าง
เบต้าแคโรทีนสูง : มะยงชิดมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงที่ก่อเกิดโรคมะเร็ง และยังช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง สดใสอีกด้วย
วิตามินเอ : เมื่อร่างกายได้รับเบต้าแคโรทีนแล้วจะเปลี่ยนให้เป็นวิตามินเอ ทำให้มะยงชิดอุดมไปด้วยวิตามินเอซึ่งมีคุณสมบัติช่วยบำรุงสายตา ลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตาและโอกาสการเกิดต้อกระจกเมื่อมีอายุที่มากขึ้นได้
วิตามินซี : วิตามินซีจะช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ไม่เจ็บป่วยง่าย และยังป้องกันเลือดออกตามไรฟันอีกด้วย
แคลเซียมและฟอสฟอรัส : มะยงชิดมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสอยู่ด้วย ซึ่งสารอาหารทั้ง 2 อย่างนี้มีความสำคัญต่อกระดูกมาก ๆ เพราะช่วยบำรุงให้กระดูกและฟันของเราให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนและกระดูกเสื่อมได้
นอกจากนี้ มะยงชิดยังมีวิตามินและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมาก เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี ไอโอดีน ใยอาหาร เป็นต้น
มะยงชิดกับมะปรางต่างกันอย่าไร
มะยงชิดและมะปราง ผลไม้ประจำฤดูร้อน ที่มีลักษณะภายนอกที่คล้ายกัน จนทำให้ใครหลาย ๆ คนแยกไม่ค่อยออก และมักเข้าใจผิดจำสลับกันไปมาอยู่ตลอด ทุกคนเคยสงสัยกันไหมว่า มะยงชิดและมะปรางนั้นแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เรามาดูความแตกต่างระหว่างมะยงชิดและมะปรางกัน~
มะยงชิด
- ผลดิบจะมีสีเขียวจัด และมีรสเปรี้ยว
- ผลสุกแล้วจะมีรสหวานอมเปรี้ยว
- ส่วนใหญ่ผลจะมีขนาดใหญ่กว่ามะปราง แต่มีเมล็ดที่เล็กกว่า
- ผลสุกจะมีสีเหลืองอมส้ม
- ไม่มียาง
มะปราง
- ผลดิบจะมีสีเขียวออกซีด และมีรสมัน
- ผลสุกจะมีรสที่หวาน หรือหวานจืด
- ส่วนใหญ่ผลจะมีขนาดเล็กกว่ามะยงชิด แต่มีเมล็ดที่ใหญ่กว่า
- ผลสุกจะมีสีเหลืองนวลอ่อน
- บางสายพันธุ์มียาง⠀
มะยงชิดเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของมะปราง แล้วผลไม้ทั้ง 2 ชนิดแตกต่างกันอย่างไร ?
โดยในประเทศไทยจะแบ่งสายพันธุ์ของมะปรางตามรสชาติได้ 3 สายพันธุ์ คือ มะปรางเปรี้ยว มะปรางหวาน และมะยงชิด มีรายละเอียดดังนี้
- มะปรางเปรี้ยว : หรือที่ชาวสวนนิยมเรียกว่า “กาวาง” เป็นผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวจัดแม้ว่าจะสุกแล้วก็ตาม นิยมนำไปแช่อิ่มหรือดองเพื่อรับประทาน
- มะปรางหวาน : มีผลขนาดเล็กถึงใหญ่ รสชาติหวานจัด เมื่อรับประทานแล้วอาจทำให้เกิดอาการไอ ระคายคอ หรือคันคอได้
- มะยงชิด : มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ผลใหญ่ เมล็ดเล็ก หากมีรสชาติเปรี้ยวนำหวานมาก ๆ จะเรียกว่า “มะยงห่าง”
มะยงชิดลอยแก้ว
“มะยงชิดลอยแก้ว” เมนูของหวานไทยที่ไม่ว่าใครได้ลองชิมแล้วก็จะต้องรู้สึกสดชื่นไปตาม ๆ กัน หน้าร้อนนี้ถ้าหากยังไม่รู้จะทำของหวานอะไรกินคลายร้อน ก็ลองมาทำเมนูนี้กัน บอกเลยว่าทำง่ายอร่อยสดชื่นสุด ๆ
วัตถุดิบ
- มะยงชิด 8-10 ลูก
- น้ำสะอาด 1 ลิตร
- น้ำตาล 250 กรัม
- เกลือ 1 ช้อนชา
- ใบเตย 2-3 ใบ
วิธีทำ
STEP 1 : ปอก และคว้าน
⦁ เริ่มจากการปอกเปลือกมะยงชิด และคว้านเอาเมล็ดออกให้เรียบร้อย
⦁ จากนั้นนำไปล้างในน้ำเกลือเพื่อล้างยางออกให้สะอาด
STEP 2 : ต้มน้ำเชื่อม
⦁ ตั้งหม้อ ใส่น้ำสะอาดและเติมน้ำตาลลงไป ต้มจนกว่าน้ำตาลจะละลายไปกับน้ำ
TIPS : ใส่ใบเตยเพื่อให้น้ำเชื่อมมีกลิ่นหอม
STEP 3 : แช่
⦁ จากนั้นนำมะยงชิดมาแช่ในน้ำเชื่อมเป็นเวลาอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงหรือข้ามคืนเป็นอันเสร็จ
เค้กมะยงชิด
ภาพจาก : https://krua.co/cooking_post/tropicalfruits
“เค้กมะยงชิด” รสเปรี้ยวหวาน ที่ต้องมีติดตู้คาเฟ่สไตล์สดใส หรือจะทำทานเองก็ไม่ยาก ไปดูวิธีทำกันเลย
วัตถุดิบ
- แป้งเค้ก 150 กรัม
- น้ำมันพืช 100 กรัม
- ผงฟู 1/2 ช้อนชา
- SP 15 กรัม
- กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 75 กรัม
- น้ำตาลทราย 150 กรัม
- ไข่ไก่ 6 ฟอง
- วิปปิงครีม1 1/2 ถ้วย
- มะยงชิดหั่นเนื้อเป็นชิ้น 300 กรัม
- น้ำตาลไอซิง 1/3 ถ้วย
วิธีทำ
- ตีเนยสดกับน้ำตาลรวมทั้งเกลือเข้าด้วยกันจนกระทั่งส่วนผสมฟูจนเป็นครีมขาว
- ใส่ไข่ครั้งละฟอง ตีให้เข้ากันจนกระทั่งหมดไข่ แล้วใส่กลิ่นวานิลลาลงไป เพื่อตีให้เข้ากันอย่างทั่วถึง
- ใส่แป้งขนมเค้กและก็ผงฟูสลับกับนมสด จากนั้นตีต่อจนเนื้อเข้ากัน
- เทใส่แม่พิมพ์ขนมเค้กขนาด 2 ปอนด์ อบที่อุณหภูมิ 170 องศา เวลาโดยประมาณ 40-45 นาที หรือจนกระทั่งเนื้อเค้กสุก ค่อยยกออกมาจากเตา แล้วพักไว้ให้เย็น
- ตีวิปปิงครีมกับน้ำตาลไอซิ่งให้เข้ากันจนถึงเนื้อขึ้นฟูมีความอยู่ตัว แล้วหลังากนั้นนำไปแช่เย็น
- ประกอบขนมเค้กเข้าด้วยกัน โดยนำเค้กมาตัดหน้าออกรวมทั้งตัดตามแนวขวางเพื่อแบ่งเป็น 2 ชิ้น
- ปาดวิปครีมบนขนมเค้กชิ้นที่ 1 ให้หนา แล้วนำเนื้อมะยงชิดมาเรียงกัน แล้วก็ใส่วิปครีมเข้าไปอีกรอบ ปาดหน้าให้เรียบอีกรอบ
- วางขนมเค้กชิ้นที่ 2 แล้วก็ใส่วิปครีมลงไปแล้วก็ปาดหน้าให้ทั่วทั้งชิ้น ตกแต่งด้านบนด้วยเนื้อมะยงชิดอีกรอบ ก่อนเสิร์ฟควรจะนำไปแช่ให้เย็นก่อนเพื่อให้เค้กเซตตัว
มะยงชิดชีสพาย
ภาพจาก : https://www.sentangsedtee.com/
“มะยงชิดชีสพาย” เมนูของหวานง่าย ๆ ทำเองได้ไม่ง้อเตาอบ!!!
วัตถุดิบ
STEP 1 : Crumbs (ฐานพาย)
- บิสกิต หรือ แครกเกอร์ป่น
- เนยละลาย
STEP 2 : Cheese (ครีมชีส)
- ครีมชีส
- น้ำตาลไอซิ่ง
- วิปครีมแดรี่
- นมข้นหวาน
- กลิ่นวานิลลา
STEP 3 : Topping
- มะยงชิด
วิธีทำ
- ล้างมะยงชิดให้สะอาด ใส่เบกกิ้งโซดา ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วแช่ทิ้งไว้ 5 นาที
- ล้างอีก 2-3 น้ำ จนมะยงชิดไม่ลื่น แล้วนำมาปอกเปลือก เฉือนเนื้อออกจากเม็ดให้มีขนาดพอดี
- เทเนยละลายลงในบิสกิตป่น แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ใส่บิสกิตลงในถ้วยขนม
- ใส่ครีมชีส และน้ำตาลไอซิ่งลงในอ่าง ใช้สปีดสูงตีครีมชีสให้ฟูนุ่ม ใช้เวลาประมาณ 3 นาที
- ใส่นมข้นหวาน วิปปิ้งครีม (นมแท้เท่านั้น) และกลิ่นวนิลลาลงไป จากนั้นตีส่วนผสมอีกประมาณ 3 นาที
ให้เข้ากันและเนื้อเนียน รวมแล้วใช้เวลาผสมประมาณ 6 นาที - ใช้เนื้อมะยงชิดวางขอบถ้วยเพื่อความสวยงาม ใส่ครีมชีสลงไป และตกแต่งด้านบนด้วยมะยงชิดให้สวยงาม
มะยงชิดปั่น
ภาพจาก : https://www.synova.biz/beverage/Plum-Mango-Smoothies/
ถ้าใครกำลังหาเมนูเครื่องดื่มดับร้อนกันอยู่ละก็เราขอนำเสนอเมนู “มะยงชิดปั่น” รับรองได้เลยว่าสดชื่นคลายร้อนได้แน่นอน
วัตถุดิบ
- มะยงชิด 6 ลูก
- โยเกิร์ตตามชอบ
- น้ำเชื่อม 20 มล.
- เกลือ
วิธีทำ
- แช่มะยงชิดในน้ำเกลือสัก 5 นาที จากนั้นล้างน้ำให้สะอาด
- ปั่นมะยงชิดกับน้ำเชื่อมให้เข้ากัน
- ใส่โยเกิร์ตลงในแก้ว ตามด้วยเทมายงชิดลงไปเป็นอันเสร็จ
บทส่งท้าย
จากบทความข้างต้น จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของมะยงชิดนั้นมีมากมายเลยทีเดียว ทั้งให้วิตามินและคุณค่าทางสารอาหารถือเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีประโยชน์สุด ๆ และถ้าใครอยากลองนำมะยงชิดมาทำของหวานหรือเครื่องดื่มดับร้อนกินเองที่บ้านแล้วละก็สามารถทำตามสูตรที่เราแนะนำได้เลย ทุกสูตรที่เรานำมาบอกได้เลยว่าทำง่ายสุด ๆ และหากใครอยากเก็บมะยงชิดไว้กินในฤดูการต่อไปแล้วไม่รู้ว่าจะเก็บรักษาอย่างไร เราขอแนะนำถุงซีลสุญอากาศของแบรนด์ SUMIRE ที่มีความหนากว่าถุงทั่วไป ตัวช่วยในการถนอมอาหารให้เก็บได้นานมากขึ้น ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับพ่อบ้านแม่บ้านที่ชอบทำอาหาร หากท่านใดมีข้อสงสัยเพิ่มเติมในการเลือกซื้อถุงซีลหรือเครื่องซีล ทางเรายินดีให้ข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง สามารถติดต่อแอดมิน SUMIRE ได้ที่ https://bit.ly/LINE_SUMIRE (@sumireth) โทร 02-077-5847 หรือ 083-836-6439
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.muangthai.co.th/th/article/health/mayongchid-high-vitamin-fruit
https://www.pptvhd36.com/health/food/2948
https://www.springnews.co.th/spring-life/822107
https://www.wongnai.com/recipes/sweet-preserved-marian-plum
https://food.trueid.net/detail/nNr91Yv8mDAz
https://salehere.co.th/articles/sweet-yellow-marian-plum
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง