fbpx

4 เมนู มะยงชิดยอดฮิต ทำง่ายคลายร้อน

มะยงชิด

มะยงชิด หนึ่งในผลไม้หน้าร้อน สุดโปรดของใครหลาย ๆ คน ที่ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวให้ความสดชื่น แต่รู้หรือไม่ว่า ผลไม้ลูกเล็ก ๆ แบบนี้ไม่ได้มีดีแค่ให้ความหวานความสดชื่นเท่านั้น แต่ยังให้ประโยชน์และสารอาหารมากมายอีกด้วย วันนี้ SUMIRE จะพาทุกคนไปรู้จักกับประโยชน์ของมะยงชิดที่มีมากกว่าที่คิด และจะมาแจกสูตรเมนูง่าย ๆ จากมะยงชิดไว้ให้ทุกคนทำกินคลายร้อนกัน จะมีเมนูอะไรกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!!!!

 

มะยงชิดมีประโยชน์อะไรบ้าง

มะยงชิด

นอกจากมะยงชิดจะให้รสชาติที่อร่อยแล้วก็ยังให้ประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายด้วยเช่นกัน เพราะในมะยงชิดนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกายของเรามากมาย มาดูกันว่ามะยงชิดที่เห็นลูกเล็ก ๆ นี้ให้ประโยชน์อะไรต่อร่างกายของเรากันบ้าง
เบต้าแคโรทีนสูง : มะยงชิดมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงที่ก่อเกิดโรคมะเร็ง และยังช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง สดใสอีกด้วย
วิตามินเอ : เมื่อร่างกายได้รับเบต้าแคโรทีนแล้วจะเปลี่ยนให้เป็นวิตามินเอ ทำให้มะยงชิดอุดมไปด้วยวิตามินเอซึ่งมีคุณสมบัติช่วยบำรุงสายตา ลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตาและโอกาสการเกิดต้อกระจกเมื่อมีอายุที่มากขึ้นได้
วิตามินซี : วิตามินซีจะช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ไม่เจ็บป่วยง่าย และยังป้องกันเลือดออกตามไรฟันอีกด้วย
แคลเซียมและฟอสฟอรัส : มะยงชิดมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสอยู่ด้วย ซึ่งสารอาหารทั้ง 2 อย่างนี้มีความสำคัญต่อกระดูกมาก ๆ เพราะช่วยบำรุงให้กระดูกและฟันของเราให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนและกระดูกเสื่อมได้
นอกจากนี้ มะยงชิดยังมีวิตามินและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมาก เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี ไอโอดีน ใยอาหาร เป็นต้น

 

มะยงชิดกับมะปรางต่างกันอย่าไร

มะยงชิด

มะยงชิดและมะปราง ผลไม้ประจำฤดูร้อน ที่มีลักษณะภายนอกที่คล้ายกัน จนทำให้ใครหลาย ๆ คนแยกไม่ค่อยออก และมักเข้าใจผิดจำสลับกันไปมาอยู่ตลอด ทุกคนเคยสงสัยกันไหมว่า มะยงชิดและมะปรางนั้นแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เรามาดูความแตกต่างระหว่างมะยงชิดและมะปรางกัน~

มะยงชิด

  • ผลดิบจะมีสีเขียวจัด และมีรสเปรี้ยว
  • ผลสุกแล้วจะมีรสหวานอมเปรี้ยว
  • ส่วนใหญ่ผลจะมีขนาดใหญ่กว่ามะปราง แต่มีเมล็ดที่เล็กกว่า
  • ผลสุกจะมีสีเหลืองอมส้ม
  • ไม่มียาง

มะปราง

  • ผลดิบจะมีสีเขียวออกซีด และมีรสมัน
  • ผลสุกจะมีรสที่หวาน หรือหวานจืด
  • ส่วนใหญ่ผลจะมีขนาดเล็กกว่ามะยงชิด แต่มีเมล็ดที่ใหญ่กว่า
  • ผลสุกจะมีสีเหลืองนวลอ่อน
  • บางสายพันธุ์มียาง⠀

มะยงชิดเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของมะปราง แล้วผลไม้ทั้ง 2 ชนิดแตกต่างกันอย่างไร ?
โดยในประเทศไทยจะแบ่งสายพันธุ์ของมะปรางตามรสชาติได้ 3 สายพันธุ์ คือ มะปรางเปรี้ยว มะปรางหวาน และมะยงชิด มีรายละเอียดดังนี้

  • มะปรางเปรี้ยว : หรือที่ชาวสวนนิยมเรียกว่า “กาวาง” เป็นผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวจัดแม้ว่าจะสุกแล้วก็ตาม นิยมนำไปแช่อิ่มหรือดองเพื่อรับประทาน
  • มะปรางหวาน : มีผลขนาดเล็กถึงใหญ่ รสชาติหวานจัด เมื่อรับประทานแล้วอาจทำให้เกิดอาการไอ ระคายคอ หรือคันคอได้
  • มะยงชิด : มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ผลใหญ่ เมล็ดเล็ก หากมีรสชาติเปรี้ยวนำหวานมาก ๆ จะเรียกว่า “มะยงห่าง”

มะยงชิดลอยแก้ว

มะยงชิด

“มะยงชิดลอยแก้ว” เมนูของหวานไทยที่ไม่ว่าใครได้ลองชิมแล้วก็จะต้องรู้สึกสดชื่นไปตาม ๆ กัน หน้าร้อนนี้ถ้าหากยังไม่รู้จะทำของหวานอะไรกินคลายร้อน ก็ลองมาทำเมนูนี้กัน บอกเลยว่าทำง่ายอร่อยสดชื่นสุด ๆ

วัตถุดิบ

  • มะยงชิด 8-10 ลูก 
  • น้ำสะอาด 1 ลิตร  
  • น้ำตาล 250 กรัม  
  • เกลือ 1 ช้อนชา  
  • ใบเตย 2-3 ใบ

วิธีทำ
STEP 1 : ปอก และคว้าน
⦁ เริ่มจากการปอกเปลือกมะยงชิด และคว้านเอาเมล็ดออกให้เรียบร้อย
⦁ จากนั้นนำไปล้างในน้ำเกลือเพื่อล้างยางออกให้สะอาด
STEP 2 : ต้มน้ำเชื่อม
⦁ ตั้งหม้อ ใส่น้ำสะอาดและเติมน้ำตาลลงไป ต้มจนกว่าน้ำตาลจะละลายไปกับน้ำ
TIPS : ใส่ใบเตยเพื่อให้น้ำเชื่อมมีกลิ่นหอม
STEP 3 : แช่
⦁ จากนั้นนำมะยงชิดมาแช่ในน้ำเชื่อมเป็นเวลาอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงหรือข้ามคืนเป็นอันเสร็จ

 

เค้กมะยงชิด

มะยงชิด

ภาพจาก : https://krua.co/cooking_post/tropicalfruits

“เค้กมะยงชิด” รสเปรี้ยวหวาน ที่ต้องมีติดตู้คาเฟ่สไตล์สดใส หรือจะทำทานเองก็ไม่ยาก ไปดูวิธีทำกันเลย
วัตถุดิบ

  • แป้งเค้ก 150 กรัม
  •  น้ำมันพืช 100 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • SP 15 กรัม
  • กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 75 กรัม
  • น้ำตาลทราย 150 กรัม
  • ไข่ไก่ 6 ฟอง
  • วิปปิงครีม1 1/2 ถ้วย
  • มะยงชิดหั่นเนื้อเป็นชิ้น 300 กรัม
  • น้ำตาลไอซิง 1/3 ถ้วย

วิธีทำ

  • ตีเนยสดกับน้ำตาลรวมทั้งเกลือเข้าด้วยกันจนกระทั่งส่วนผสมฟูจนเป็นครีมขาว
  • ใส่ไข่ครั้งละฟอง ตีให้เข้ากันจนกระทั่งหมดไข่ แล้วใส่กลิ่นวานิลลาลงไป เพื่อตีให้เข้ากันอย่างทั่วถึง
  • ใส่แป้งขนมเค้กและก็ผงฟูสลับกับนมสด จากนั้นตีต่อจนเนื้อเข้ากัน
  • เทใส่แม่พิมพ์ขนมเค้กขนาด 2 ปอนด์ อบที่อุณหภูมิ 170 องศา เวลาโดยประมาณ 40-45 นาที หรือจนกระทั่งเนื้อเค้กสุก ค่อยยกออกมาจากเตา แล้วพักไว้ให้เย็น
  • ตีวิปปิงครีมกับน้ำตาลไอซิ่งให้เข้ากันจนถึงเนื้อขึ้นฟูมีความอยู่ตัว แล้วหลังากนั้นนำไปแช่เย็น
  • ประกอบขนมเค้กเข้าด้วยกัน โดยนำเค้กมาตัดหน้าออกรวมทั้งตัดตามแนวขวางเพื่อแบ่งเป็น 2 ชิ้น
  • ปาดวิปครีมบนขนมเค้กชิ้นที่ 1 ให้หนา แล้วนำเนื้อมะยงชิดมาเรียงกัน แล้วก็ใส่วิปครีมเข้าไปอีกรอบ ปาดหน้าให้เรียบอีกรอบ
  • วางขนมเค้กชิ้นที่ 2 แล้วก็ใส่วิปครีมลงไปแล้วก็ปาดหน้าให้ทั่วทั้งชิ้น ตกแต่งด้านบนด้วยเนื้อมะยงชิดอีกรอบ ก่อนเสิร์ฟควรจะนำไปแช่ให้เย็นก่อนเพื่อให้เค้กเซตตัว

 

มะยงชิดชีสพาย

มะยงชิด

ภาพจาก : https://www.sentangsedtee.com/

“มะยงชิดชีสพาย” เมนูของหวานง่าย ๆ ทำเองได้ไม่ง้อเตาอบ!!!
วัตถุดิบ

STEP 1 : Crumbs (ฐานพาย)

  • บิสกิต หรือ แครกเกอร์ป่น
  • เนยละลาย

STEP 2 : Cheese (ครีมชีส)

  • ครีมชีส
  • น้ำตาลไอซิ่ง
  • วิปครีมแดรี่
  • นมข้นหวาน
  • กลิ่นวานิลลา

STEP 3 : Topping

  • มะยงชิด

วิธีทำ

  1. ล้างมะยงชิดให้สะอาด ใส่เบกกิ้งโซดา ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วแช่ทิ้งไว้ 5 นาที
  2. ล้างอีก 2-3 น้ำ จนมะยงชิดไม่ลื่น แล้วนำมาปอกเปลือก เฉือนเนื้อออกจากเม็ดให้มีขนาดพอดี
  3. เทเนยละลายลงในบิสกิตป่น แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  4. ใส่บิสกิตลงในถ้วยขนม
  5. ใส่ครีมชีส และน้ำตาลไอซิ่งลงในอ่าง ใช้สปีดสูงตีครีมชีสให้ฟูนุ่ม ใช้เวลาประมาณ 3 นาที
  6. ใส่นมข้นหวาน วิปปิ้งครีม (นมแท้เท่านั้น) และกลิ่นวนิลลาลงไป จากนั้นตีส่วนผสมอีกประมาณ 3 นาที
    ให้เข้ากันและเนื้อเนียน รวมแล้วใช้เวลาผสมประมาณ 6 นาที
  7. ใช้เนื้อมะยงชิดวางขอบถ้วยเพื่อความสวยงาม ใส่ครีมชีสลงไป และตกแต่งด้านบนด้วยมะยงชิดให้สวยงาม

มะยงชิดปั่น

มะยงชิด

ภาพจาก : https://www.synova.biz/beverage/Plum-Mango-Smoothies/

ถ้าใครกำลังหาเมนูเครื่องดื่มดับร้อนกันอยู่ละก็เราขอนำเสนอเมนู “มะยงชิดปั่น” รับรองได้เลยว่าสดชื่นคลายร้อนได้แน่นอน
วัตถุดิบ

  • มะยงชิด 6 ลูก 
  • โยเกิร์ตตามชอบ
  • น้ำเชื่อม 20 มล.
  • เกลือ

วิธีทำ

  1. แช่มะยงชิดในน้ำเกลือสัก 5 นาที จากนั้นล้างน้ำให้สะอาด
  2. ปั่นมะยงชิดกับน้ำเชื่อมให้เข้ากัน
  3. ใส่โยเกิร์ตลงในแก้ว ตามด้วยเทมายงชิดลงไปเป็นอันเสร็จ

บทส่งท้าย

จากบทความข้างต้น จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของมะยงชิดนั้นมีมากมายเลยทีเดียว ทั้งให้วิตามินและคุณค่าทางสารอาหารถือเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีประโยชน์สุด ๆ และถ้าใครอยากลองนำมะยงชิดมาทำของหวานหรือเครื่องดื่มดับร้อนกินเองที่บ้านแล้วละก็สามารถทำตามสูตรที่เราแนะนำได้เลย ทุกสูตรที่เรานำมาบอกได้เลยว่าทำง่ายสุด ๆ และหากใครอยากเก็บมะยงชิดไว้กินในฤดูการต่อไปแล้วไม่รู้ว่าจะเก็บรักษาอย่างไร เราขอแนะนำถุงซีลสุญอากาศของแบรนด์ SUMIRE ที่มีความหนากว่าถุงทั่วไป ตัวช่วยในการถนอมอาหารให้เก็บได้นานมากขึ้น ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับพ่อบ้านแม่บ้านที่ชอบทำอาหาร หากท่านใดมีข้อสงสัยเพิ่มเติมในการเลือกซื้อถุงซีลหรือเครื่องซีล ทางเรายินดีให้ข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง สามารถติดต่อแอดมิน SUMIRE ได้ที่ https://bit.ly/LINE_SUMIRE (@sumireth) โทร 02-077-5847 หรือ 083-836-6439

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.muangthai.co.th/th/article/health/mayongchid-high-vitamin-fruit

https://www.pptvhd36.com/health/food/2948

https://www.springnews.co.th/spring-life/822107

https://www.wongnai.com/recipes/sweet-preserved-marian-plum

https://food.trueid.net/detail/nNr91Yv8mDAz

https://salehere.co.th/articles/sweet-yellow-marian-plum

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง