fbpx

สาเก (เหล้า) คืออะไร นิยมนำมาทำอะไรบ้าง

Banner สาเก

สาเก หนึ่งในเครื่องดื่มดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่น อาจใครเคยไปกินร้านอาหารญี่ปุ่นหรือว่าไปเที่ยวต้องเคยได้ลิ้มลองรสชาติมาแล้วอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มที่นิยมทานคู่กับทั้งขนมและอาหารหลายชนิด โดยบางคนมักจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสาเก ว่าคือเหล้าที่ทำจากข้าว แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ หากใครอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเหล้าชนิดนี้มากยิ่งขึ้น สามารถศึกษาได้จากบทความนี้ เรารวบเรื่องราวเกี่ยวกับสาเกเอาไว้อย่างครบถ้วน

สาเกคืออะไร ?

สาเก คือ

สาเกเป็นเหล้าชนิดหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติตามอัตราการขัดสี ยิ่งขัดสีมากรสชาติก็ยิ่งดี ดังนั้นราคาของสาเกจึงขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์ของการขัดข้าวออก หากคุณภาพดีจะขัดข้าวออกประมาณ 30% – 50% ส่วนใหญ่มักใช้ดื่มในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ อีกทั้งยังใช้เวลาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอีกด้วย เรื่องราวของเหล้าญี่ปุ่นชนิดนี้มีความซับซ้อน เป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น ทำให้เราสามารถพบเห็นการดื่มสาเกได้จากฉากสำคัญของสื่อภาพยนตร์ ซีรีส์ แอนิเมชัน ญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง

เจาะลึกต้นกำเนิดเหล้าสาเกทำมาจากอะไร

สาเกทำมาจาก

ด้วยความนิยมของการทานสาเกของชาวญี่ปุ่น อาจทำให้สงสัยว่ามีแอลกอฮอล์กี่เปอร์เซ็นต์ ? กินแล้วเมาไหม ? ซึ่งคำตอบก็คือ มีปริมาณแอลกอฮอล์ตั้งแต่ 10 – 20% ขึ้นอยู่กับชนิด ส่วนประกอบหลักมาจากข้าว เริ่มต้นตั้งแต่การได้รับวัฒนธรรมมาจากประเทศจีนในช่วงยุคเอโดะ ทำให้มีการออกแบบและพัฒนาสาเกขึ้นมา ในญี่ปุ่นจะมีความเชื่อว่าเป็นเหล้าศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงพิธีที่ถวายเหล้าชนิดนี้ให้กับเทพเจ้าในทุก ๆ ปี เพื่อแสดงให้เห็นถึงการรับเอาคำสอนของพระเจ้ามาใช้ในการดำเนินชีวิต แต่ละภูมิภาคจะมีกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างกันออกไป แต่มีพื้นฐานมาจากวิธีการดั้งเดิมในสมัยเอโดะทั้งหมด

แนะนำวิธีรับประทานสาเกที่ถูกต้อง

สาเก เป็นเครื่องดื่มที่สามารถดื่มได้หลากหลายรูปแบบ โดยจะมีทั้งการเสิร์ฟแบบเย็นจากการเทใส่เหยือกใส ๆ ที่เรียกว่าเหยือกคราฟ และการเสิร์ฟแบบร้อน ซึ่งจะให้รสชาติที่ดูนุ่มนวลเป็นรูปแบบที่ค่อนข้างได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะรสชาติที่ได้จะค่อนข้างนิ่มนวลกว่าแบบเย็น วิธีการดื่มจะต้องเตรียมอุปกรณ์ คือ โอโจโกะ (จอก) และ ทกกุริ (เหยือก)
ขั้นตอนการเตรียมถ้าเป็นแบบเย็นให้ตั้งขวดทิ้งไว้ในตู้เย็นก่อนที่จะดื่มประมาณหนึ่งชั่วโมง ถ้าหากเป็นแบบร้อนจะต้องเอาทกกุริลงไปแช่ในน้ำเดือดไม่เกินนาทีเพื่อให้มีความอุ่น การจิบสาเกสามารถทำได้ตามสไตล์ของตัวเอง แต่หากเป็นการดื่มครั้งแรกควรที่จะเริ่มต้นจากการจิบช้า ๆ เพื่อที่จะซึมซับรสชาติและกลิ่น

แนะนำ 3 กับแกล้มที่มักรับประทานคู่กับสาเก

สาเกนิยมกินกับ

ปัจจุบันการเสิร์ฟสาเกคู่กับอาหารจะมีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งรสชาติของแต่ละชนิดจะแตกต่างกันออกไป มีทั้งรสหวานอย่างพวกสาเกเชื่อม หรือบางชนิดก็มีรสชาติฝาด ดังนั้นการหากับแกล้มที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความอร่อยได้มากยิ่งขึ้น โดยเราก็มี 3 กับแกล้มที่คนมักจะรับประทานคู่กับสาเกมาฝาก ซึ่งมีดังนี้
ยากิโทริ หนึ่งในอาหารที่ได้รับความนิยมของญี่ปุ่น พบได้บ่อยที่ร้านอิซากายะ ถูกราดด้วยซอสหรือเกลือเหมาะกับการทานคู่กับสาเกเป็นอย่างมาก
ซาชิมิ หากเป็นสาเกที่มีรสหวานการรับประทานคู่กับปลาดิบจะให้รสชาติที่อ่อนโยน อีกทั้งยังไม่ทำให้เสียรสชาติเป็นส่วนผสมที่ค่อนข้างเข้ากันเลยทีเดียว
เกี๊ยวซ่า ความฉ่ำและมันของเกี๊ยวซ่าเหมาะกับสาเกมีรสหวานเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าเป็นการใส่ชีสและบ๊วยเพิ่มเข้าไปก็จะได้รสชาติที่ดีมากกว่าเดิม

รู้จักกับสาเกที่ใช้สำหรับทำอาหาร

สาเกสำหรับทำอาหาร

สาเกที่ใช้สำหรับทำอาหาร หรือเรียกอีกชื่อว่า “เรียวริชู” เป็นการปรุงแต่งเกลือและเพิ่มเครื่องปรุงรสอื่น ๆ ลงไป สำหรับประเภทนี้จะมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ 14 % ช่วยเพิ่มความนุ่มให้กับเนื้อ อีกทั้งยังทำให้มีกลิ่นที่น่าทาน และรสชาติหวานอร่อย นอกจากเรียวริชูที่สามารถมาทำอาหารได้แล้ว อีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมก็คือ มิริน โดยเป็นสาเกที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ค่อนข้างต่ำ แต่น้ำตาลสูง สามารถเลือกใช้ได้ตามประเภทของอาหาร ถ้าหากเป็นของหวานก็ควรใช้มิรินในการทำ แต่ถ้าเป็นอาหารคาวเรียวริชูจะเหมาะสมกว่า

บทส่งท้าย

คุณจะเห็นได้เลยว่าสาเกไม่ได้เป็นแค่เพียงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น แต่ยังเป็นวัตถุดิบที่สามารถนำมาใช้ทำอาหารได้อีกด้วย ซึ่งก็จะมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งแบบแช่เย็นและแบบร้อน ดังนั้นเรื่องการรักษาอุณหภูมิจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก ถ้าหากเป็นแบบเย็นก็ต้องเก็บให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม

หากกำลังกังวลเรื่องการจัดเก็บสาเกในตู้เย็น ถุงสุญญากาศของ SUMIRE จะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ให้กับคุณได้ เพราะเป็นถุงที่มีความหนาสามารถทนกับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ติดลบ 20 องศาเซลเซียสไปจนถึง 100 องศาเซลเซียส สามารถใช้จัดเก็บได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็นเลย เพียงเท่านี้คุณก็จะได้สาเกรสชาติดีเอาไว้ใช้ทำอาหารและดื่มคู่กับอาหารต่าง ๆ กันได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บอีกต่อไป

ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก

.
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง