fbpx

รู้จักเทมเป้ อาหารเพื่อสุขภาพโปรตีนสูง พร้อมวิธีทำเองง่ายๆ

เทมเป้ คืออะไร

เทมเป้ (Tempeh) หรือ เตมเป เริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทยเมื่อ 2-3 ปีก่อน ซึ่งเจ้าสิ่งนี้เป็นที่นิยมกันมากในกลุ่มของคนที่ทานมังสวิรัตเพราะเป็นอาหารที่ให้โปรตีนสูงสามารถทานแทนเนื้อสัตว์ได้แถมยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักเทมเป้ บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ เทมเป้ อาหารโปรตีนสูง ทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพ ให้มากขึ้น

เทมเป้ คืออะไร

เทมเป้ คืออะไร

เทมเป้ คือ อาหารพื้นเมืองของประเทศอินโดนีเซียตั้งแต่เมื่อ 200 ปีก่อน ทำมาจากถั่วที่นำไปหมักกับเชื้อรา Rhizopus oligosporus (โรไซปัส โอลิโกสปอรัส) ซึ่งเป็นเชื้อราที่มีประโยชน์ เมื่อหมักแล้วจะทำให้เกิดเส้นใยสีขาวช่วยยืดถั่วเหลืองให้ติดกันแน่นจนเป็นก้อน ผู้คนนิยมทานเทมเป้เพราะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีโปรตีนสูง สามารถกินทดแทนเนื้อสัตว์ได้ ในประเทศอินโดนีเซียเทมเป้จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลาม ที่ต้องการกินทดแทนเนื้อหมูหรือเนื้อวัว เมื่อรับประทานเข้าไป ร่างกายจะได้รับโปรตีนอย่างเต็มที่ด้วย เนื่องจากโปรตีนที่เกิดขึ้นในเทมเป้จะถูกย่อยเป็นโปรตีนที่มีขนาดเล็กลง จนเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโน ซึ่งเป็นโปรตีนหน่วยเล็กที่สุด จึงทำให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่

วิธีทำ เทมเป้

ถั่วเหลือง เทมเป้

อุปกรณ์

• โหลสำหรับแช่ถั่ว มีฝาปิดหลวมๆ ใช้โหลแก้วดีที่สุด
• หม้อขนาดใหญ่สำหรับต้มถั่ว
• เครื่องชั่งดิจิทัล
• กระชอนไว้กรองถั่ว
• ถาดมีรูระบายอากาศไว้ผึ่งถั่วหลังต้มเสร็จ
• ชามหรืออ่างสำหรับคลุกกล้าเชื้อ
• ใบตอง ก่อนนำใบตองไปใช้ อังไฟให้ร้อนสักหน่อยเพื่อให้ใบตองเหนียวไม่แตกง่าย ถ้าไม่มีใช้ถุงพลาสติกสำหรับใส่อาหารแทนได้ ให้เจาะรูที่ถุง ระยะห่างประมาณ 1 ตารางเซนติเมตร
• ไม้กลัดหรือหนังยาง

ส่วนผสม

• ถั่วเหลืองซีกเลาะเปลือก ในตัวอย่างใช้ 500 กรัม
• กล้าเชื้อเทมเป้ 4 – 5 กรัม

เทมเป้ห่อใบตอง

ขั้นตอนการทำ เทมเป้
( ระยะเวลาทั้งหมด 4 วัน )

1. ล้างถั่วด้วยน้ำสะอาด 2–3 รอบ ในขณะล้างอาจมีเปลือกถั่วลอยน้ำออกมา ให้ล้างจนเปลือกถั่วเหลือน้อยที่สุด ในการทำเทมเป้เราไม่ต้องการเปลือกถั่ว เพราะเปลือกถั่วจะขัดขวางการเจริญเติบโตของกล้าเชื้อเทมเป้
2. แช่ถั่ว 1-2 วันจนเกิดกลิ่นเปรี้ยว เพราะกล้าเชื้อจะเจริญเติบโตได้ดีในภาวะเป็นกรด ให้เปลี่ยนมาใช้น้ำดื่มในการแช่ ใส่น้ำให้ท่วมความสูงเกินถั่วไปอีกหนึ่งเท่าเพราะในช่วงเวลาที่แช่ ถั่วจะพองตัวขึ้นอีก
3. ทิ้งน้ำแช่ถั่ว ล้างถั่วอีกครั้ง และต้มถั่วในน้ำใหม่ ควรใช้น้ำดื่มเหมือนเดิม ตั้งไฟให้น้ำเดือดก่อนแล้วค่อยนำถั่วลงไปต้ม ต้มไฟกลางค่อนแรง 30 นาที ถั่วจะสุกแต่ไม่นิ่ม มีลักษณะกรุบๆ

4. ปิดไฟและกรองน้ำต้มถั่วออกทันที นำถั่วที่ต้มเสร็จมาผึ่งพัดลมให้เย็นลงและแห้งไวที่สุด แห้งแบบยังมีความชื้นอยู่นิดหน่อย อาจใช้ไดร์เป่าผมร่วมด้วย
5. คลุกกล้าเชื้อกับถั่ว โดยใช้ปริมาณ 0.5 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักถั่วสุก ในตัวอย่างเริ่มต้น 500 กรัม ต้มแล้วมีน้ำหนัก 840 กรัม จึงใช้กล้าเชื้อที่ 4.2 กรัม
6. ห่อด้วยใบตองและรวบให้แน่น หรือใส่ถุงพลาสติกเจาะรูเกลี่ยให้แน่นเต็มถุง แล้ววางบนตะแกรงที่อากาศถ่ายเทได้ ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง ประมาณ 2 วัน ไม่เกิน 3 วัน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในเวลานั้น ระยะนี้เป็นระยะที่มีกลิ่นหอมและทานง่ายสุด ใน 12 ชั่วโมงแรกอาจจะยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง แต่หลังจากนั้นถั่วจะค่อยๆ ร้อนขึ้น เป็นไอและเริ่มจับตัวเป็นก้อนมีใยขาวๆ ขึ้นปกคลุม
7. เมื่อครบเวลา ก้อนเทมเป้จะยังอุ่นๆ อยู่ ก็นำมาทานหรือเก็บเข้าตู้เย็นทั้งที่ยังอุ่นได้เลย ช่องธรรมดาควรทานภายใน 1 อาทิตย์ ช่องฟรีซเก็บได้ประมาณ 1 เดือน

หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าเทมเป้ กินสดได้ไหม? ต้องผ่านกรรมวิธีใดต่อ คำตอบคือ เทมเป้ สามารถกินสดได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล แต่สำหรับใครที่รู้สึกว่ากินยาก อาจจะนำไปประกอบอาหารรูปแบบต่างๆ โดยเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาด มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

เมนูแนะนำที่เหมาะกับการทานคู่กับเทมเป้

เทมเป้ มีลักษณะเป็นก้อนนุ่มๆ ภายในอัดแน่นไปด้วยถั่ว สามารถนำมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ หรือ บด เพื่อประกอบอาหารแทนเนื้อสัตว์ต่างๆได้หลายเมนู เช่น

• เทมเป้ผัดกะเพรา
• เทมเป้ทอด

เทมเป้ทอด

• ยำสมุนไพรเทมเป้
• เทมเป้ซอสเทอริยากิ
• เทมเป้สดจิ้มน้ำพริก
• ลาบเทมเป้

ลาบเทมเป้

วิธีเก็บรักษา

วิธีเก็บรักษาเทมเป้

1. เทมเป้สด เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา ไม่เกิน 7 วัน เก็บในช่องแช่แข็ง ไม่เกิน 6 เดือน
2. เทมเป้นึ่ง เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ยกเว้นบรรจุในซองสูญญากาศ ไม่เกิน 1 เดือนเก็บในช่องแช่แข็งไม่เกิน 6 เดือน

ประโยชน์ของ เทมเป้

ประโยชน์ของเทมเป้

เนื่องจาก “เทมเป้” เป็นถั่วเหลืองหมักจากธรรมชาติ ไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งใดๆ โดยเทมเป้ 100 กรัม สารอาหารมีครบถ้วนและให้พลังงานสูงถึง 193 กิโลแคลอรี ร่างกายสามารถนำสารอาหารเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ดังนี้

1. มีโปรตีนสูง โดยโปรตีนจากถั่วเหลืองสูงเทียบเท่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์ แต่ความพิเศษคือ ร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้ดีกว่าโปรตีนจากสัตว์
2. มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ ดีต่อผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก
3. มีสารไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและฮอร์โมนเพศหญิง
4. มีสารเลซิทิน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการ
5. มีไฟเบอร์สูง ช่วยในการดูดซับไขมันและระบบขับถ่ายในร่างกาย
6. มีทั้งโพรไบโอติกส์และมีพรีไบโอติกส์ ช่วยเรื่องระบบอาหาร
7. เป็นแหล่งวิตามิน B12 ที่ปกติแล้วไม่พบในพืชผักเหมาะสำหรับผู้ที่กินมังสวิรัติ

ข้อควรระวังในการทานเทมเป้

คนที่แพ้ถั่ว

เทมเป้มีส่วนประกอบหลักคือ ถั่วเหลือง การรับประทานเทมเป้อาจทำให้คนที่แพ้ถั่วเหลืองมีอาการคัน เกิดผื่นลมพิษ ใบหน้าและลำคอบวม หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด ปวดท้อง ท้องร่วง และบางคนอาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต

คนที่มีภาวะผิดปกติเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์

เทมเป้มีสารกอยโทรเจน (Goitrogens) ที่อาจยับยั้งการสังเคราะห์ไทรอยด์ฮอร์โมน และลดประสิทธิภาพการดูดซึมยารักษาไทรอยด์

สำหรับใครที่ชื่นชอบ “เทมเป้” ต้องลองทำเมนูนี้กันแล้ว บอกเลยว่าสูตรวิธีการทำไม่ยากเลย เรานำสูตรเด็ดการทำ เทมเป้ มาไว้ในบทความนี้แล้วสามารถหาซื้อส่วนผสม แล้วเริ่มทำพร้อมกันได้เลย เย้ๆ เรามาเริ่มดูแลสุขภาพไปพร้อมๆกันนะทุกคน รสชาติจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ

ประสบการณ์ผู้ชิมและวัตถุดิบหลักอย่างถั่ว บางคนก็อาจจะได้รสชาติและกลิ่นคล้ายกับถั่วต้ม เต้าหู้ หรือเห็ดเข็มทอง แต่หากหมักทิ้งไว้นานขึ้น รสชาติและกลิ่นก็จะเข้มข้นขึ้นตามลำดับ เพียงแค่ทำตามวิธีที่เรานำมาฝาก และใช้ถุงสูญญากาศของ SUMIRE ในการเก็บ เทมเป้ หรือนำไปเป็นของฝาก ซึ่งวางใจได้เลยว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นออกมาแน่นอน เพราะถุงสุญญากาศของเรา มีความหนาถึง 190 ไมครอน นอกจากนี้ยังผลิตจากวัตถุดิบที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับแม่บ้านยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี สนใจคลิกดูเพิ่มเติมได้ที่ https://sumirethailand.com/

ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก

.
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง