นัตโตะ (Natto) หรือ ถั่วเน่าญี่ปุ่น คือถั่วเหลืองที่หมักด้วยแบคทีเรีย Bacillus subtilis ลักษณะเป็นถั่วในเมือกยืดๆ มีกลิ่นเฉพาะตัวค่อนข้างแรง ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานในมื้ออาหารเช้าและเย็น นัตโตะจะมีเมือกเหนียวๆ เวลาทานจะใช้ตะเกียบคนให้เข้ากับเครื่องปรุง ที่นิยมใส่มักเป็นเครื่องปรุงคล้ายมัสตาร์ดที่ชื่อคาราชิ หรือโชยุ เวลาทานเมือกจะยืดติดกับตะเกียบ ต้องหมุนตะเกียบวนๆ ให้ขาด นิยมรับประทานกับข้าวสวย
ความเหนียวยืดกับกลิ่นของนัตโตะอาจจะทำให้หลายคนร้องอี๋ แต่นัตโตะอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารและประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย นัตโตะมีโปรตีนสูง ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ปรับสมดุลลำไส้ เพิ่มภูมิคุ้มกัน ชะลอความแก่ก่อนวัย บำรุงสมอง และอื่นๆ อีกมากมาย
“นัตโตะ” เป็นเมนูยอดฮิตที่คนพยายามนำมาครีเอทในหลายๆ เมนู เพื่อให้กินง่ายขึ้น อาหารเช้ายอดฮิตของชาวญี่ปุ่น อุดมไปด้วยโปรตีน แถมยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ได้แก่
• ช่วยย่อยอาหาร โปรไบโอติกในนัตโตะสามารถป้องกันสารพิษและแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อลำไส้ เสริมระบบย่อยให้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น ลดก๊าซ ท้องผูก และท้องอืด นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันอาการลำไส้ใหญ่เป็นแผล และโรคลำไส้อักเสบ
• บำรุงกระดูก วิตามิน K2 ซึ่งพบในนัตโตะนั้นมีคุณสมบัติสำคัญคือ การรักษาโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน มะเร็ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคข้อเข่าเสื่อม
• บำรุงหัวใจและหลอดเลือด นัตโตคิเนสเป็นเอนไซม์ในถั่วเน่าญี่ปุ่นที่เกิดจากระบวนการหมัก ทำหน้าที่เป็นทินเนอร์ตามธรรมชาติ ช่วยในการป้องกันการก่อตัวของคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือด นักวิจัยพบว่า นัตโตคิเนสมีประโยชน์ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ลดความดันโลหิต และป้องกันระบบประสาท
• เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นัตโตะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โปรไบโอติกที่ทำให้ลำไส้แข็งแรง ป้องกันการเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย และอาจช่วยเพิ่มการผลิตแอนติบอดีตามธรรมชาติ ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ และช่วยให้คุณฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังจากอาการป่วย
• ช่วยยืดอายุขัย บริโภคถั่วเน่าปริมาณมาก ลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด และลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากหัวใจขาดเลือด
“นัตโตะ” นิยมกินคู่กับข้าวญี่ปุ่นที่หุงสุกใหม่ๆ หรือจะอุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟก็ใช้ได้เช่นกัน แต่สำหรับผู้เขียนเองแนะนำว่า ถ้าเป็นไปได้ให้รับประทานคู่กับข้าวที่หุงสุกใหม่จะอร่อยที่สุด วิธีกินกินนัตโตะ มีดังนี้
1. คดข้าวขึ้นพักที่จานประมาณ 10 นาที เพื่อให้ข้าวแห้งเสียก่อน
2. ตามด้วยนัตโตะ ซึ่งในปัจจุบันนิยมใส่บรรจุภัณฑ์เป็นกล่องสีเหลี่ยมเล็ก ๆ เมื่อเปิดออกจะเห็นนัตโตะและซอสปรุงรสอยู่ด้านใน บางยี่ห้ออาจแถมมัสตาร์ดด้วย (ถ้ามี) เริ่มแรกให้ใส่เครื่องปรุงรสที่ให้มาลงไปในนัตโตะ หรือหากไม่ใส่ก็ได้
3. ใช้ช้อนหรือตะเกียบ ค่อย ๆ คนนัตโตะไปในทางเดียวกัน ผู้เขียนแนะนำว่าคนไปประมาณ 50 รอบ จะกำลังดี เพราะความอร่อยของนัตโตะอยู่ที่เส้นใยเหนียว ๆ ลื่น ๆ ที่เกิดจากการคนของเรานั่นเอง
4. เมื่อได้ที่แล้วก็นำมา ราดกับข้าวสวยที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นให้คลุกเคล้าให้เข้ากัน ก็เป็นอันเสร็จสิ้น พร้อมรับประทานแล้ว
นอกจากนี้ นัตโตะ ยังนำมาประยุกต์รับประทานได้อีกหลากหลายแบบไม่ว่าจะใส่คู่กับไข่ดิบ ทาโกะวาซาบิ(ปลาหมึกสายคลุกวาซาบิ) ก็อร่อยไปอีกแบบ ไม่ซ้ำซากจำเจแน่นอน
ส่วนผสม
• ถั่วเหลืองดิบ 500 กรัม
• นัตโตะ (เป็นหัวเชื้อสำหรับการบ่ม) 1 แพ็คเล็กๆ
ขั้นตอนการทำ นัตโตะ
1. ล้างถั่วเหลืองดิบ อย่างน้อย 3 ครั้ง จนกว่าน้ำจะใสสะอาด
2. แช่น้ำเปล่า (น้ำดื่ม) เป็นเวลา 1 วัน (ภายใน 2-3 ชม. แรก ถั่วจะขยายตัวเกือบเท่าตัว จากการดูดซับน้ำเข้าไปครับ เมื่อเวลาผ่านไป จะเริ่มมีฟองลอยเหนือน้ำและกลิ่นเริ่มแรงขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าถั่วจะเน่าเสีย)
3. เมื่อครบ 24 ชม. ให้เทน้ำออกแล้วล้างผ่านน้ำ
4. ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ทำการนึ่งถั่วที่เราล้างเสร็จแล้วในขั้นตอนถัดไป
5. เมื่อน้ำเดือดแล้ว ให้นำถั่วลงไป ปิดฝาแล้วนึ่ง ประมาน 3-6 ชั่วโมง ใช้ไฟแรงปานกลาง
6. หลังผ่านไป 1 ชั่วโมง ให้ลดไฟเป็นไฟเบา แล้วนึ่งต่อไปอีก 2 ชั่วโมง
7. หลังนึ่งครบเวลาแล้ว (นึ่งนานถั่วจะนิ่มอร่อย) นำถั่วที่นึงเสร็จแล้วเทใส่ถาดที่เตรียมไว้ (ควรหาถาดที่ใหญ่พอที่จะไม่ให้ถั่วเรียงทับกันสูงเกิน )
เคล็ดลับ : สามารถสังเกตได้ว่าถั่วที่สุกแล้วสีจะออกคล้ำๆ และสามารถใช้นิ้วบีบถั่วให้แตกเละได้ไม่ยากมาก
8. พักให้ถั่วเย็นลง จนเราสามารถจับได้ นำหัวเชื้อนัตโตะมาหนึ่งกล่อง (ขนาดบรรจุที่ขายตามซุปเปอร์อยู่ที่ประมาน 10-15 กรัมต่อ 1 กล่องเล็กๆ) ลงไปผสมกับถั่วที่พักให้หายร้อนแล้ว พร้อมกับตักน้ำก้นหม้อนึ่งลงไปสัก 3-4 ช้อนกลาง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นระหว่างการบ่มนัตโตะ แล้วคลุกเคล้าถั่วและนัตโตะหัวเชื้อเข้าด้วยกันให้ทั่ว
9. นำแผ่นพลาสติกห่ออาหารแผ่นที่ 1 มาวางแผ่แนบลงไปบนตัวถั่วของเราเพื่อรักษาความชุ่มชื้น แล้วใช้ไม้จิ้มฟันเจาะรูไว้ เพื่อให้แบคทีเรียดีที่ทำการบ่มของเรามีอากาศถ่ายเท นำแผ่นพลาสติกห่ออาหารแผนที่สอง หุ้มถาดด้านบนไว้ พร้อมเจาะรู เหมือนแผ่นแรก การทำเช่นนี้จะทำให้มีช่องอากาศระหว่างแผ่นที่ 1 และ 2 เพื่อไม่ให้ถั่วที่เราบ่มถูกอากาศภายนอกโดยตรง
10. ทิ้งบ่มไว้ในอุณหภูมิห้อง 1-2 วัน (หลังผ่านไป 12 ชม. จะเริ่มเห็นวงๆขาวๆรอบๆถั่ว และกลิ่นจะเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ สังเกตว่าอุณหภูมิของภาชนะที่ทำการบ่มจะอุ่นอยู่เสมอ เป็นความร้อนจากการบ่มนั้นเอง)
11. เมื่อบ่มได้ที่ (อย่างน้อย 1 วัน) ให้ทำการเก็บเข้าภาชนะเช่นขวดโหลแก้ว/เซรามิกแล้วเก็บเข้าตู้เย็นสัก 1 คืนให้นัตโตะที่เราบ่มเสร็จได้พัก ซึ่งจะทำให้กลิ่นฉุนจากแอมโมเนียลดลง และรสชาติดีขึ้น
12. การเตรียมทานนัตโตะ ให้นำนัตโตะออกมารับประทานทีนึงประมาน 2-4 ช้อนกลางพอ และใส่มัสตาร์ด (เดจองมัสตาร์ด มันตาร์ดญี่ปุ่น หรืออื่นๆที่คล้ายคลึงกัน) ประมานปลายช้อนกาแฟพอ แล้วใช้ตะเกียบคนๆหมุนๆ ก่อนนำไปรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือว่าจะทานเล่นกลับแกล้ม
ถ้าคุณไม่ชอบ กลิ่นของนัตโตะ ขอแนะนำให้เติมส่วนผสมหรือเครื่องปรุงต่าง ๆ ลงไป เพราะวิธีนี้ไม่เพียงแต่ทำให้รสชาติของอาหารดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยกลบกลิ่นที่เป็น เอกลักษณ์ของนัตโตะ ได้อีกด้วย สำหรับท็อปปิ้งที่ คนญี่ปุ่นมักใส่เพิ่มเข้ากับเมื่อ ทานคู่กับนัตโตะ ได้แก่ หัวหอมสีเขียว คัตสึโอะบุชิ (ปลาแห้งหั่นฝอย) ผักดอง และไข่ดิบหรือไข่แดงอย่างเดียวก็ได้ บางคนอาจมีการเพิ่มส่วนผสมอื่น ๆ เข้าไปด้วย เช่น วาซาบิ ชีส มายองเนส สาหร่าย บ๊วยดอง พริกไทย และ ทูน่า หรือจะลองทานคู่กับขนมปังและพาสต้าก็อร่อยไม่แพ้กัน ลองดูเลย!!
สุดท้ายนี้ ก็ได้รู้กันแล้วว่า นัตโตะเป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์มากมาย การรับประทานนัตโตะเป็นประจำ มีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยบำรุงกระดูก ช่วยย่อยอาหาร และช่วยยืดอายุขัยขึ้นอีกด้วย ประโยชน์มากมายแบบนี้ ต้องลองทำตามสูตรกันแล้วนะ หวังว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่สนใจ การทำนัตโตะ ก่อนจากกัน ท่านใดที่กำลังมองหา เครื่องซีลสุญญากาศ ถุงสุญญากาศ ไว้สำหรับเก็บส่วนผสม อาหาร ให้อยู่กับเราได้นานยิ่งขึ้น เราขอแนะนะ เครื่องซีลสุญญากาศ จากแบรนด์ SUMIRE ที่มีหลากหลายรุ่นให้เลือก หากท่านใดมีข้อสงสัยเพิ่มเติมในการเลือกซื้อถุงซีล หรือเครื่องซีล ทางเรายินดีให้ข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง สามารถติดต่อแอดมิน SUMIRE ได้ที่ (@sumireth) โทร 02-077-5847 หรือ 083-836-6439
ขอขอบคุณที่มาข้อมูลจาก
.
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
เลขที่ 58 ซอย เจริญราษฎร์ 7 แยก 29-1 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร 10120