fbpx

สารพัดประโยชน์จากขมิ้น ที่ยกให้เป็นสมุนไพรชั้นเลิศ

วันนี้เรามาแจกสมุนไพรชั้นเลิศที่มีประโยชน์ในการช่วยดูแลสุขภาพ ขมิ้นชัน สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู คนไทยก็นิยมนำขมิ้นชันมาเป็นส่วนนึงในการนำมาประกอบอาหารเช่นกัน เพราะช่วยให้สีสันของอาหารน่ารับประทานมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้อาหารมีกลิ่นของสมุนไพรอ่อนๆ แต่ละเมนูอร่อยเด็ดแถมยังได้ประโยชน์

 

ประโยชน์ของขมิ้น

  • ล้างพิษตับ ขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยขับพิษที่สะสมในตับ เนื่องจากมีฤทธิ์ป้องกันตับอักเสบ ช่วยบำรุงตับ และฟื้นฟูตับ โดยมีการใช้ขมิ้นชันทดลองรักษาโรคตับแข็งในหนู ผลปรากฏว่าอาการไม่ลุกลามเพิ่ม ทำให้นิยมใช้เป็นสมุนไพรยาที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพและล้างพิษออกจากตับ
  • รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง ขมิ้นชันสามารถใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังได้ เช่น โรคผื่นคัน กลาก เกลื้อน ผิวหนังอักเสบจากอาการแพ้ คนไทยสมัยก่อนใช้เหง้าสดของขมิ้นชันมาฝนและบดให้ละเอียด ก่อนจะนำไปทาบริเวณที่มีอาการคัน แต่ปัจจุบันสามารถใช้ผงขมิ้นชันสำเร็จรูปผสมน้ำเปล่าหรือน้ำมันมะพร้าว นำไปทาบริเวณที่อักเสบหรือคันได้
  • แก้อาการท้องร่วง ใครที่กินของผิดสำแดงเข้าไปแล้วเกิดอาการท้องร่วง สามารถหาขมิ้นชันในครัวมาใช้เป็นยาได้ โดยนำมาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปตำพร้อมผสมน้ำเปล่า หลังจากนั้นคั้นเฉพาะน้ำให้ได้สัก 1 ถ้วยตวง แบ่งกินคราวละ 2 ช้อนโต๊ะ จะช่วยสร้างสมดุลให้ระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหาร
  • รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการรักษาอาการอักเสบ จึงสามารถช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารให้หายเร็วขึ้น นอกจากนี้หากหั่นขมิ้นชันผสมกับน้ำผึ้ง จะช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และจุกเสียดแน่น เรียกว่าเป็นสมุนไพรที่มอบประโยชน์ให้คนกินอย่างครบสูตร ทั้งในรูปแบบอาหารและรูปแบบยา
  • ชะลอการแก่ก่อนวัย เนื่องจากขมิ้นชันออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงถูกนำมาสกัดเป็นยาเสริมอาหารที่ใช้บำรุงร่างกาย ป้องกันโรค ป้องกันการเสื่อมโทรมของเซลล์ และป้องกันร่างกายไม่ให้เสื่อมไปตามวัย ถือเป็นสรรพคุณด้านความงามที่น่าจะถูกใจใครหลายคน
  • รักษาริดสีดวง สำหรับผู้ที่เป็นริดสีดวงทวารและมีแผลบริเวณทวารหนัก ให้ใช้ผงขมิ้นทาหัวริดสีดวง จะช่วยสมานแผลให้แห้งและหายเร็วขึ้นเพราะขมิ้นชันจะช่วยลดการอักเสบ ช่วยฆ่าเชื้อโรค และทำให้เนื้อเยื่อบริเวณแผลกระชับเร็วขึ้น
  • แก้พิษแมลงกัดต่อย หากถูกแมลงกัดจนเป็นแผล มีอาการบวมแดง สามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ผงขมิ้นชันผสมกับน้ำมันมะพร้าว แล้วนำไปเคี่ยวบนไฟ จะได้น้ำมันนวดสำหรับทาแก้พิษแมลงกัดต่อย หรือจะนำผงขมิ้นชันไปผสมกับน้ำปูนใสเพื่อนำมาพอกแผลก็ได้เช่นกัน
  • ป้องกันโรคข้อเข่าอักเสบ ในผู้สูงอายุนิยมใช้ขมิ้นชันรักษาอาการข้อตึง ปวดเมื่อยตามข้อเข่า ซึ่งอาจจะเป็นไปตามวัยหรือพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน แต่ขมิ้นชันสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดในโรคข้อเข่าเสื่อมได้ โดยมีการนำมาใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบันอย่างแพร่หลาย
  • ลดระดับไขมันในเส้นเลือด สารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่อยู่ในพืชธรรมชาติอย่างขมิ้นชันจะช่วยยับยั้งคอเลสเตอรอล มีฤทธิ์ในการลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตันและโรคหัวใจ
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ขมิ้นชันสามารถช่วยปรับสมดุลและสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โดยเฉพาะในปัจจุบันมีปัญหามลพิษฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้เป็นภูมิแพ้ได้ง่าย จึงนิยมกินขมิ้นชันเพื่อเป็นตัวช่วยเสริมร่างกายให้แข็งแรงต่อมลพิษ

 

หมูสะเต๊ะ

หมูสะเต๊ะเนื้อนุ่ม ต้องแนะนำสูตรหมักหมูสูตรนี้เลย เนื้อหมูนุ่ม รสชาติอร่อย กลิ่นเครื่องเทศหอมๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มอาจาดรสเด็ด ติดใจทุกคนอย่างแน่นอน

ส่วนผสม

  • หมูส่วนสะโพกแล่บาง ๆ 500 กรัม
  • ผงยี่หร่า ½ ช้อนโต๊ะ
  • ลูกผักชีคั่ว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • ข่าสับ 1 ช้อนชา
  • ตะไคร้ซอย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • หัวกะทิ ½ ถ้วย
  • ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
  • ผงกะหรี่ 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
  • หัวกะทิ 1 ถ้วย (สำหรับทาหมูสะเต๊ะตอนย่าง)
  • นมสด 1 ถ้วย (สำหรับทาหมูสะเต๊ะตอนย่าง)

วิธีทำ

  • นำลูกผักชีคั่ว ข่าสับ และตะไคร้ซอย โขลกให้ละเอียด
  • นำวัตถุดิบที่โขลกเตรียมไว้ผสมลงไปในชามผสม ใส่เนื้อหมูที่แล่ไว้ลงไป นำหัวกะทิ น้ำตาล ผงกะหรี่ ผงขมิ้น ลูกยี่หร่า พริกไทยป่น และเกลือ ใส่ลงไปในชาม คลุกทุกอย่างให้เข้ากัน หมักในตู้เย็น 2 – 3 ชั่วโมง
  • หัวกะทิ และนมสด สำหรับทาหมูสะเต๊ะตอนย่างมาผสมให้เข้ากัน นำหมูที่หมักไว้มาเสียบไม้ แล้วนำไปย่าง ระหว่างที่ย่างให้นำหัวกะทิและนมสดที่ผสมไว้มาทาเป็นระยะ ๆ เมื่อย่างสุกแล้วจัดใส่จานได้เลย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด

 

แกงเหลือง

ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://sou-dai.com

แกงเหลืองหรือแกงส้มฉบับคนใต้ หอมกลิ่นเครื่องเทศคละคลุ้ง รสชาติเผ็ดร้อน เครื่องเทศเครื่องแกงเหลืองรสเด็ด สูตรนี้รับประกันความอร่อย เหมือนได้กินจากต้นตำรับเลยหล่ะ

ส่วนผสม

  • พริกแห้งแช่น้ำ 20 เม็ด
  • พริกแดงจินดา 20 เม็ด
  • ตะไคร้ 1 ต้น
  • ขมิ้น 2 แง่ง
  • หอมแดง 5 หัว
  • กระเทียม 1 หัว
  • เกลือ ½ ช้อนตวง
  • กะปิ 1 ½ ช้อนตวง
  • ปลากะพง 2 ตัว (ประมาณกิโลกว่าๆ)
  • หน่อไม้ดอง 1 ½ กิโลกรัม
  • น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วย
  • มะนาว 5 ฝา
  • เกลือ 1 ช้อนตวง
  • ผงปรุงรส 1 ช้อนตวง
  • น้ำปลา 1-2 ทัพพี (ชิมตามชอบ)
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ½ ช้อนตวง
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนตวง

วิธีทำ

  • ตำเครื่องพริกแกงเหลือง ลงพริกแห้ง ตามด้วยเหลือกับกระเทียม ตำให้พอเข้ากัน
  • จากนั้นใส่พริกแดงลงไป ตามด้วยตะไคร้ ขมิ้น ตำให้เข้ากันอีกครั้ง และใส่หอมแดง กะปิ ตำทุกอย่างให้เข้ากัน
  • นำหน่อไม้ดองมาขยำเกลือและล้างน้ำ 3-4 รอบ และนำไปลวกน้ำร้อน พักไว้
  • ตั้งน้ำในกระทะ รอจนเดือด ใส่เครื่องแกงลงไป คนให้เครื่องแกงละลาย
  • จากนั้นใส่หน่อไม้ดอง ปรุงรสด้วย ผงปรุงรส เกลือ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำมะขามเปียก ชิมจนได้รสตามชอบ
  • พอน้ำแกงเดือดอีกครั้ง ใส่ปลาลงไป โดยไม่ต้องคน ปล่อยให้สุกเอง
  • ปิดไฟ บีบมะนาวปิดท้าย เป็นอันเสร็จ

 

ปลาทอดขมิ้น

ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.unileverfoodsolutions.co.th

ปลาทอดขมิ้นเป็นเมนูที่รสชาติอร่อย กลิ่นหอมเครื่องเทศเป็นอย่างมาก วัตถุดิบในการทำน้อยมากๆ ใครๆก็สามารถทำตามได้ เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูสุดแสนอร่อย

ส่วนผสม

  • ปลา 1 ตัว (เลือกชนิดปลาที่ชอบ)
  • ขมิ้น 1 แง่ง (ใช้ขมิ้นผงแทนได้)
  • กระเทียม 15 กลีบ
  • พริกไทย 1 ช้อนชา
  • เกลือ (เล็กน้อย)

วิธีทำ

  • นำปลาที่ขอดเกล็ดและควักไส้ออกและล้างสะอาดเรียบร้อยแล้วมาบั้งทั้งสองด้าน
  • แบ่งกระเทียมออกเป็นสองส่วน นำกระเทียมส่วนหนึ่งมาโขลกกับขมิ้น พริกไทย และเกลือให้ละเอียด
  • นำส่วนผสมที่โขลกละเอียดมาทาบริเวณปลาและหมักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
  • ในระหว่างรอหมักปลาเพื่อให้ส่วนผสมซึมเข้าเนื้อปลา ให้นำกระเทียมส่วนที่เหลือมาเจียวให้เหลืองกรอบแล้วตักขึ้นพักไว้
  • ตั้งกระทะเติมน้ำมันโดยใช้ไฟกลาง เมื่อน้ำมันเดือดให้นำปลาลงไปทอด สักพักค่อยพลิกอีกด้าน ซึ่งการใช้ไฟอ่อนหรือไฟกลางจะทำให้เนื้อข้างในสุกนุ่ม ส่วนข้างนอกยังคงกรอบได้ที่
  • ตักปลาสะเด็ดน้ำมันให้เรียบร้อย แล้วนำมาจัดวางใส่จาน ปิดท้ายด้วยการโรยกระเทียมเจียว ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ และผักลวกจิ้มน้ำพริกกะปิ รับรองว่าเต็มอิ่มกับเมนูนี้อย่างแน่นอน

 

ปลากะพงต้มขมิ้น

ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.gourmetandcuisine.com

เมนูอาหารใต้อีกหนึ่งเมนูที่ใครๆก็ต้องรู้จักอย่างปลาต้มขมิ้น รสชาติเปรี้ยวๆเค็มๆ รวมกันแล้วกลมกล่อมเป็นอย่างมากๆ ทานกับข้าวสวยร้อนๆอร่อยสุดๆเลยหล่ะ

ส่วนผสม

  • เนื้อปลากะพง 300 กรัม
  • ขมิ้นเหลือง 3 แง่ง
  • ข่า 1 แง่ง
  • ตะไคร้ 2 ต้น
  • ใบมะกรูด 5 ใบ
  • หอมแดง 3 หัว
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • เกลือป่น ½ ช้อนชา
  • น้ำสต๊อกผักหรือปลา 3 ถ้วย

วิธีทำ

  • หั่นข่าเป็นแว่น ตะไคร้หั่นท่อนทุบ ใบมะกรูดหั่นเอาแกนกลางออก ขมิ้นทุบให้พอแตก เตรียมไว้
  • ตั้งหม้อน้ำสต๊อกจนเดือด ใส่ข่า ขมิ้น ตะไคร้ ใบมะกรูด และหอมแดง ต้มพอเดือด
  • ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาล รอจนเดือด ใส่เนื้อปลา อย่าคน รอจนเดือดและปลาสุก  
  • ยกลงตักใส่ชามเสิร์ฟกับข้าวสวย

 

บทส่งท้าย

บ้านไหนยังไม่มีขมิ้นซื้อติดบ้านไว้ซักหน่อยไม่เสียหาย สามารถนำมาทำเมนูอร่อยเด็ดได้ และถ้ากำลังกังวลว่าขมิ้นจะเสียและส่งกลิ่น สุมาลี มีของดีมาฝาก เครื่องซีลสุญญากาศจาก สุมาลี ที่สามารถซีลอาหารได้ทุกรูปแบบ สามารถถนอมอาหารให้อยู่ได้นานและไม่ทำให้มีกลิ่นหืน หากท่านใดสนใจสั่งซื้อสินค้าหรือสอบถามข้อมูล ก็สามารถ แอดไลน์ @sumireth ได้เลย

 

 

ขอขอบคุณที่มาข้อมูล

บทความที่เกี่ยวข้อง