“แอปริคอต” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Prunus Armeniaca L. เป็นพืชที่คนไทยอาจไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่ แต่ถ้าให้กล่าวถึงญาติ ๆ ของผลไม้ชนิดนี้อย่าง ลูกพีช และ ลูกพลัม คุณคงร้องอ๋อขึ้นมาในทันที โดยผลไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชียกลาง ว่ากันว่าเป็นผลไม้ที่มาจากประเทศจีน ชื่นชอบสภาพอากาศเย็น ทำให้ในประเทศไทยสามารถเพราะปลูกได้เฉพาะในแถบภาคเหนือเท่านั้น เป็นหนึ่งในผลไม้ที่นิยมนำมาตากแห้งเพื่อให้เก็บรักษาได้นานขึ้นมากกว่าทานสด ๆ บทความนี้เราจะนำเรื่องน่าสนใจของผลไม้ชนิดนี้มาฝากทุกคน ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย !
หัวข้อบทความ
Toggleประโยชน์ของแอปริคอต
จุดเด่นของแอปริคอตคือ “การเก็บรักษาได้นาน” ทำให้ส่วนมากแล้วเราจะพบการนำผลที่สุก นำมาตากแดดจนแห้ง เพื่อให้สามารถเก็บรักษาได้นานมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่พิเศษยิ่งกว่าคือสารอาหารต่าง ๆ ยังคงอยู่ครบเช่นเคย ไม่ต่างอะไรจากตอนที่ยังเป็นผลสดอยู่เลยแม้แต่น้อย ซึ่งผลไม้ชนิดนี้อุดมไปด้วยสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น
- อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินชนิดต่าง ๆ แมงกานีส โพแทสเซียม ฯลฯ
- มีไฟเบอร์สูง ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้เป็นอย่างดี ลดอาการท้องอืด
- บำรุงการมองเห็น เนื่องจากมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่าง “เบตาแคโรทีน” ช่วยเสริมคุณภาพของระบบการมองเห็น
- ส่งเสริมสุขภาพผิว เนื่องจากมีวิตามินที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน A , C และ E พร้อมด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ อีกมากมาย
- เหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ ให้พลังงานน้อย การทานผลแห้งที่ไม่ได้รับการปรุงรสเพิ่ม พร้อมด้วยไฟเบอร์ที่สูง ช่วยให้ทานแล้วอยู่ท้องมากยิ่งขึ้น
ไขข้อสงสัย ผลไม้แฝด 3 แอปริคอต พีช บ๊วย ต่างกันอย่างไร ?
ด้วยรูปร่างหน้าที่คล้ายกันอย่างกับแกะ ทำให้มีความสงสัยเกิดขึ้นมามากว่า แอปริคอต กับ พีช และ บ๊วย ทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นพืชชนิดเดียวกันหรือไม่ ? ซึ่งคำตอบนั้นคือ “ไม่ใช่แต่ใกล้เคียง” เนื่องจากทั้ง 3 เป็นพืชในตระกูลพรุน (Prunus) ซึ่งมีลักษณะของต้นที่คล้ายคลึงกันมาก ๆ แตกต่างกันเฉพาะในส่วนของผลเพียงเท่านั้น ซึ่งข้อแตกต่างนั้นสามารถสังเกตได้ดังนี้
- แอปริคอต ผลค่อนข้างมีสีส้มปนแดง มีขนอยู่บริเวณผิว รสชาติเปรี้ยวอมหวาน
- พีช มีขนาดใหญ่มากกว่าแอปริคอต มีผิวที่อ่อนนุ่ม มีสีส้มอมชมพู รสชาติหวาน
- บ๊วย คือ “ลูกพลัม” ที่นำมาตากแห้ง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Chinese plum และ Japanese apricot
แอปริคอตได้รับความนิยมทานในรูปแบบใด
แม้ว่าเราจะพบการนำไปตากแห้งเป็นส่วนมาก แต่ที่จริงแล้วผลสดของแอปริคอตก็มีรสชาติที่อร่อยเช่นเดียวกัน ซึ่งจะค่อนข้างออกไปทางรสเปรี้ยวนำ แต่ถ้าให้แนะนำว่ารูปแบบใดได้รับความนิยมมากกว่ากัน สำหรับประเทศไทยจะเป็นแบบ “แอปริคอตอบแห้ง” เสียมากกว่า การนำมาทานนั้นจะคล้าย ๆ กับการทานลูกไหน ถือว่าเป็นหนึ่งในของขบเคี้ยวชั้นดี แถมยังมีประโยชน์คงเอาไว้เหมือนตอนเป็นผลสดครบทุกอย่างอีกด้วย
แนะนำ 3 เมนูจากแอปริคอต
แม้ว่าในตอนนี้ เมนูที่ทำจากแอปริคอต จะยังไม่มีชื่อเสียงในประเทศไทยสักเท่าไหร่ ทำให้ยังไม่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นอาหารมากนัก แต่สำหรับต่างประเทศ ผลไม้ชนิดนี้ถือว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพหลาย ๆ เมนู ซึ่งในเนื้อหาต่อจากนี้ เราจะขอแนะนำ 3 เมนูจากผลไม้ชนิดนี้ โดยจะยกเอาเมนูที่ทำทานเองได้ง่าย ๆ ตามหาวัตถุดิบได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่ว ๆ ไป ตามเนื้อหาดังต่อไปนี้
- เค้กแอปริคอต ในต่างประเทศแอปริคอตคือวัตถุดิบยอดนิยมของการทำเบอเกอรี โดยเฉพาะการนำมาทำเค้ก เพื่อเพิ่มรสสัมผัสให้เค้กมีมิติมากยิ่งขึ้น รสชาติจะคล้าย ๆ กับการทานเค้กที่มีลูกเกด แต่จะหนึบกว่า
- แอปริคอตโซดา เป็นเมนูสำหรับดับร้อน นำแอปริคอตแช่แข็งมาเคี้ยวจนเกิดความข้น จากนั้นนำมาผสมกับ โซดา น้ำมะนาว ทานเย็น ๆ อร่อยชื่นใจ แถมยังมีประโยชน์ ลดน้ำหนักได้อีกด้วย
- แยมแอปริคอต นำแอปริคอตอบแห้งมาแปรรูป โดยการนำไปแช่น้ำให้นิ่ม จากนั้นนำมาเคี่ยวในไฟอ่อน เติมน้ำเล็กน้อย เคี่ยวจนเริ่มมีกลิ่นหอม เพิ่มความหวานด้วยน้ำผึ้ง เก็บรักษาด้วยการนำใส่ขวดโหล
บทส่งท้าย
หลังจากอ่านบทความนี้จนจบ คุณอาจเริ่มสงสัยแล้วว่าแอปริคอตสามารถหาซื้อจากที่ไหนได้บ้าง ? ในตอนนี้สามารถหาซื้อไปได้แล้วตามห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านคุณ แต่จะเป็นในรูปแบบของแอปริคอตอบแห้ง ผลสดนั้นยังถือว่าหาซื้อยากพอสมควร สำหรับใครที่ไม่ได้อยู่ภาคเหนืออาจหาผลสดทานยากหน่อย สำหรับการเก็บรักษาผลไม้อบแห้ง หากเปิดถุงแล้วทานไม่หมด เราขอแนะนำเก็บเอาไว้ด้วย “ถุงสุญญากาศ” ผลิตภัณฑ์ถนอมอาหารจาก SUMIRE ป้องกันอากาศได้ 100% ยืดอายุการเก็บรักษาของอาหารทุกชนิด สนใจสั่งซื้อได้เลยตอนนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก
- https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/html
- https://amprohealth.com/fruits-vegetables/apricot/
- https://medthai.com/%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%95/
- http://blog.arda.or.th/%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B9%8A%E0%B8%A7%E0%B8%A2/
- https://www.youtube.com/
- https://www.youtube.com/
- https://www.youtube.com/watch
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง