พุทราจีน สุดยอดผลไม้บำรุงสุขภาพ รักษาอาการเจ็บป่วยได้มากมาย สรรพคุณประโยชน์สูง เรียกได้ว่าเป็นสรรพคุณทางยาเลยก็ว่าได้ เป็นคุณสมบัติทางยาที่โดดเด่นของชาวจีน เพราะจะมีความนิยมนำมาประกอบในตำรับยาจีนเพื่อช่วยลดความรุนแรงของเครื่องยาจีน เพื่อให้ร่างกายดูดซับยาได้ดีขึ้น ประโยชน์ของพุทราจีนจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!
สรรพคุณของพุทราจีน
- มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย และเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค
- บำรุงผิวให้มีสุขภาพดี ลดรอยด่างดำ เสริมสร้างชั้นผิวหนังให้แข็งแรง
- สรรพคุณของเมล็ดพุทราช่วยลดไข้ แก้หวัด
- ช่วยขับสารพิษ ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ
- แก้ท้องเสีย แก้อาการถ่ายเหลวเป็นน้ำ
- บำรุงหัวใจ ช่วยป้องกันหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
- บำรุงเลือด ทำให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล มีเลือดฝาด
- บรรเทาอาการคันจากโรคผิวหนัง
- มีประโยชน์ช่วยแก้อาการผื่นคันตามผิวหนัง
- ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียของสตรีหลังคลอดบุตร
- เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยให้ฟื้นไข้ หายเหน็ดเหนื่อย
- ช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย
- ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและอาการอักเสบของผิว
- กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวให้มีการซ่อมแซมตัวเอง
- บำรุงผิวพรรณให้กระชับ ลดการอักเสบบริเวณผิวหนัง
- ผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพ
- บำรุงประสาท ช่วยลดความเครียด ทำให้สมองปลอดโปร่ง
- ช่วยให้หลับสบาย แก้อาการนอนไม่หลับ
- บำรุงสายตา บรรเทาอาการตามัว ฝ้าฟาง
- ป้องกันเส้นเลือดแข็งตัว และลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
พุทราจีน กินยังไง
- การรับประทานพุทราจีนแบบสดควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนทุกครั้ง เพราะเนื้อพุทราจีนมีเส้นใยอาหารเป็นจำนวนมาก อาจทำให้ท้องอืดได้
- นำพุทราจีนแห้งฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ แช่ไว้ในน้ำเดือด ดื่มเป็นชาจิบได้ระหว่างวัน
- รับประทานสดวันละ 1-2 ลูก
ข้อควรระวังก่อนกินพุทราจีน
- ไม่ควรทานหัวไชเท้าและแตงกวาพร้อมกับพุทราจีน เพราะจะทำลายวิตามินของพุทราจีนส่งผลให้คุณค่าทางโภชนาการของพุทราจีนหายไป
- ผู้ที่มีอาการท้องอืดและเบื่ออาหารไม่ควรรับประทานเนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลสูง ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรรับประทานพุทราจีนที่มีรสหวาน ฉุน ทำให้เกิดเสมหะและความชื้นได้ง่าย หลังจากที่คนที่มีเสมหะกินพุทราจีน อาการเดิมกำเริบได้ง่าย
- พุทราจีนมีธาตุเหล็กเป็นจำนวนมากอันที่จริง มีผลอย่างมากต่อภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก นอกจากนี้ยังส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดเลือดขาว เพิ่มอัลบูมินในซีรั่ม ปกป้องตับ แต่ถ้าคุณพึ่งกินพุทราจีนเพื่อบำรุงเลือด ปริมาณเลือดมีผลเพียงเล็กน้อย หากต้องการบรรลุผลการบำรุงเลือดที่ดีที่สุด ควรรับประทานคู่กับลูกเกด ลำไย และอาหารอื่นๆ ที่สำคัญกว่านั้นคือ หากคุณพึ่งกินพุทราจีนดิบเพื่อบำรุงเลือด ไม่เพียงแต่ไม่เป็นผลเท่านั้น ยังสามารถทำให้เกิดก๊าซและอาการท้องร่วงได้ เมื่อรับประทานดิบ เปลือกพุทราจีนจะตกค้างอยู่ในลำไส้ได้ง่ายและยากที่จะขับออกมา ส่งผลต่อการย่อยอาหาร การกินมากเกินไปอาจทำให้ท้องอืดได้ และมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วน ขอแนะนำให้กิน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
- เนื่องจากอุณหภูมิเกิน 80 องศาเซลเซียสวิตามินซีในพุทราจีนจะถูกทำลาย หลังจากล้างน้ำสะอาดแล้ว การกินดิบมีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด ย้ำกินพุทราจีนวันละ 5-8 ลูก มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก
- เปลือกหรือผิวของพุทราจีนอุดมด้วยสารอาหาร เวลาไปต้มหรือตุ๋นควรต้มทั้งเปลือก
- ถ้ากินดิบ เนื้อพุทราจีนจะตกค้างในกระเพาะอาหารค่อนข้างนาน จึงควรเคี้ยวให้ละเอียด
- แม้ว่าพุทราจีนจะกินเป็นประจำได้ แต่ไม่ควรกินเกินวันละ 20 ลูก ถ้ากินมากเกินไปจะกระทบต่อระบบการย่อยอาหารและทำให้ท้องผูก
- พุทราจีนที่เน่าเสียจากแบคทีเรีย จะเกิดอัลฟาไฮดรอกซีแอซิดและเมทานอล กินเข้าไปจะทำให้วิงเวียนไม่สบาย จึงต้องระวังให้มาก
- พุทราจีนมีสรรพคุณในการบำรุงเลือด โดยทั่วไปเหมาะสมกับสตรี แต่บางกรณี เช่น ขณะมีรอบเดือน ตา บวม เท